Basic PHP Syntax

ในบทนี้ คุณจะได้เรียนรู้โครงสร้างที่จำเป็นที่คุณต้องต้องทราบในการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา PHP
รูปแบบและกฏเกณฑ์ต่างๆ ในการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา PHP

มาเริ่มต้นกับโปรแกรมที่พื้นฐานที่สุดสำหรับการเรียนเขียนโปรแกรม

รูปแบบการเขียน PHP

PHP Syntax

การเขียนสคริปต์ PHP ในรูปแบบใดก็ตามจะต้องมีเครื่องหมาย semicolon ( ; ) ลงท้ายคำสั่ง และคำสั่งหรือฟังก์ชั่นในภาษา PHP จะเขียนด้วยตัวพิมพ์เล็กหรือพิมพ์ใหญ่ก็ได้ ( case-insensitive ) ในการเขียนโปรแกรมภาษา PHP โค้ดของโปรแกรมจะต้องอยู่ภายในบล็อคคำสั่ง <?php และ ?>

Comment

Comment คือส่วนของซอสโค้ดที่ไม่มีผลต่อการทำงานของโปรแกรม มันใช้สำหรับการอธิบายโปรแกรมเพื่อให้ผู้เขียนเข้าใจหรือสามารถอ่านโค้ดในภายหลังได้ง่ายขึ้น การคอมเม้นต์โค้ดมีประโยชน์มากในการทำงานเป็นทีมเพื่อให้คนอื่นสามารถเข้าใจโค้ดของเรา

ในภาษา PHP คุณสามารถเขียนคอมเม้นต์ได้หลายรูปแบบ

การคอมเม้นต์บรรทัดเดียว ข้อความที่ต้องการคอมเม้นต์จะอยู่หลัง //
และการคอมเนต์แบบบล็อคหรือหลายบรรทัด ข้อความจะอยู่ระหว่าง /* และ */
คุณยังสามารถใช้ # สำหรับความคิดเห็นบรรทัดเดียวได้

การแสดงผลทางหน้าจอ

PHP echo and print Statements

การแสดงผลในภาษา PHP นั้นมักจะใช้คำสั่ง echo และ print สำหรับจัดการและเชื่อมต่อกับ Output stream ซึ่งโดยปกติแล้วมักจะเป็นจอภาพหรือ Console มาดูตัวอย่างการแสดงผลในเบื้องต้น

Echo Statement

คำสั่ง echo สามารถใช้โดยมีหรือไม่มีวงเล็บก็ได้ เช่น echo หรือ echo()

Print Statement

คำสั่ง print สามารถใช้โดยมีหรือไม่มีวงเล็บก็ได้ print หรือ print()

ตัวแปรและประเภทข้อมูล

ตัวแปร - Variables

ตัวแปร คือสิ่งที่ใช้เก็บค่าของข้อมูลในหน่วยความจำ ตัวแปรจะประกอบไปด้วยชื่อของตัวแปร (identifier) ใช้เพื่ออ้างอิงหรือเข้าถึงค่าภายในตัวแปร ตัวแปรเก็บข้อมูลในหน่วยความจำ ดังนั้นเราสามารถเข้าถึงค่าของตัวแปรและอัพเดทค่าได้ตลอดเวลา

การประกาศตัวแปร

ในการประกาศตัวแปรในภาษา PHP คุณไม่ต้องกำหนดประเภทของตัวแปรเหมือนในภาษา C หรือภาษาอื่นๆ ที่เป็นภาษาประเภท typed language ซึ่งตัวแปรจะขึ้นต้นด้วยเครื่องหมายดอลลา $ และตามด้วยชื่อของตัวแปร

การตั้งชื่อตัวแปรในภาษา PHP นั้นจะต้องประกอบไปด้วยตัวอักษร ตัวแปรเลขและเครื่องหมาย _ เท่านั้น และไม่สามารถขึ้นต้นด้วยตัวเลขได้ กฏนี้ยังใช้กับการกำหนดชื่ออื่นๆ ที่ผู้ใช้สร้างขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ชื่อของฟังก์ชัน เมธอด หรือ คลาส

ในการประกาศตัวแปรในภาษา PHP คุณไม่จำเป็นต้องกำหนดประเภทให้กับตัวแปร ซึ่ง PHP จะจัดการเรื่องนี้ให้โดยอัตโนมัติ ในตัวอย่างเราประกาศตัวแปร $n และกำหนดค่า 1 ทำให้ตัวแปรนี้เป็นประเภทจำนวนเต็ม ต่อมาเรากำหนดค่า 3.25 ให้กับตัวแปร ประเภทของตัวแปรจะเปลี่ยนเป็นจำนวนจริง และเปลี่ยนเป็น String ตามลำดับ

ฟังก์ชันเกี่ยวกับตัวแปร

ในการทำงานกับตัวแปรในบางครั้ง เราใช้ฟังก์ชันเพื่อตรวจสอบบางอย่างเกี่ยวกับตัวแปร ต่อไปเราจะพูดเกี่ยวกับฟังก์ชันของตัวแปรในภาษา PHP

PHP มีฟังก์ชันที่ให้เราสามารถใช้งานกับตัวแปรมากมาย

  • ฟังก์ชัน var_dump() ใช้ในการตรวจสอบประเภทของตัวแปร
  • ฟังก์ชัน isset() ใช้ในการตรวจสอบว่าตัวแปรถูกประกาศแล้วหรือไม่
  • ฟังก์ชัน unset() ใช้สำหรับยกเลิกการประกาศตัวแปรดังกล่าวและคืนค่าหน่วยความจำให้ระบบ

ประเภทของข้อมูล

PHP Data Types

ประเภทข้อมูล คือการจำแนกประเภทของข้อมูลแบบต่างๆ การนำมาใช้งานกับตัวแปรในการเขียนโปรแกรม เช่น อายุ เป็นข้อมูลแบบตัวเลข และชื่อเป็นข้อมูลแบบตัวอักษรหรือ String ซึ่งประเภทของข้อมูลแต่ละแบบจะแตกต่างกันและใช้หน่วยความจำในการเก็บข้อมูลที่ต่างกัน

ในการเขียนโปรแกรมนั้นจะมีข้อมูลหลากหลายแบบ เพื่อที่จะจัดการข้อมูลปรเภทต่างๆ คุณจำเป็นต้องเข้าใจประเภทของข้อมูลก่อน ซึ่งในภาษา PHP จะมีข้อมูลแบ่งออกเป็น 8 ประเภท ได้แก่ Boolean Integer Float String Array Resource และ Null ต่อไปเราจะอธิบายแต่ละประเภท

Boolean

Boolean คือประเภทข้อมูลที่มีค่าที่เป็นไปได้เพียงสองค่าคือ true หรือ false ซึ่งข้อมูลประเภทนี้ใช้หน่วยความจำในการเก็บข้อมูลน้อยที่สุด (1 bit) เราใช้ตัวแปร Boolean ในการเก็บค่าที่เป็นไปได้เพียงสองอย่าง เช่น กลางวันหรือกลางคืน เพศชายหรือเพศหญิง จำนวนคู่หรือจำนวนคี่ เป็นต้น

ตัวแปร $is_even_number เป็นการเก็บค่าว่าตัวเลขเป็นเลขจำนวนคู่หรือไม่ โดยเราคำนวณจาก Expression โดยการตรวจสอบว่า 5 หารด้วยสองลงตัวหรือไม่ เพราะ 5 หารด้วยสองไม่ลงตัว ทำให้ได้ค่าเป็น false และตัวแปร $is_odd_number เราเก็บค่าตรงข้ามของตัวแปร $is_even_number ซึ่งตัวแปรนี้จะมีค่าเป็น true

Integer

Integer คือประเภทข้อมูลแบบจำนวนเต็ม (จำนวนที่ไม่มีทศนิยม) สามารถเป็นได้จำนวนเต็มบวกและจำนวนเต็มลบ มันใช้สำหรับเก็บข้อมูลที่สามารถนับได้ เช่น จำนวนของแอปเปิ้ลในตระกร้า คะแนนสอบวิชาคณิตศาสตร์ เป็นต้น

Float

Floating number คือประเภทข้อมูลที่เก็บข้อมูลในรูปแบบของจำนวนจริง ซึ่งมักจะใช้ในการเก็บตัวเลขทีมีค่าและความละเอียดมาก เช่น ข้อมูลการคำนวณทางวิทยาศาตร์หรือตัวเลขที่มีจุดทศนิยมน

String

String คือประเภทข้อมูลประเภทข้อความหรือการนำตัวอักษรหลายๆ ตัวมาต่อกัน โดยความยาวของ String นั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ซึ่งเป็นตัวแปรแบบไดนามิกส์ ในภาษา PHP นั้น สามารถเก็บตัวอักษรได้ทุกแบบ เช่น UTF-8 เนื่องจาก String มีเนื้อหาค่อนข้างมากเราจะพูดในภายหลังในบทของ String

Null

NULL เป็นข้อมูลชนิดพิเศษในการบ่งบอกถึงว่าตัวแปรไม่ได้ถูกกำหนดหรือสร้างขึ้น ซึ่ง NULL เป็นประเภทข้อมูลของมันเอง ตัวแปรจะมีค่าเป็น NULL ถ้าหากมันถูกกำหนดโดย NULL หรือยังไม่ได้กำหนดค่า หรือการใช้ฟังก์ชัน unset() เพื่อยกเลิกตัวแปร

ในตัวอย่างเป็นการประกาศตัวแปรที่มีค่าเป็น NULL ซึ่งมันแบบ case-insensitive สามารถใช้ null ได้เช่นกัน คุณสามารถใช้ฟังก์ชัน is_null() เพื่อตรวจสอบตัวแปรได้

การแปลงข้อมูลในภาษา PHP

ในการประกาศตัวแปรและกำหนดค่าให้กับตัวแปรนั้น ภาษา PHP จะตรวจสอบค่าที่เราได้กำหนดให้กับตัวแปรว่าเป็นข้อมูลประเภทไหน ซึ่งเรีบกว่า Implicit type conversion ในภาษา PHP คุณสามารถแปลงค่าข้อมูลอีกประเภทหนึ่งไปเป็นอีกประเภทหนึ่งได้เอง เราเรียกว่า Explicit type conversion หรือ Type casting มาดูตัวอย่าง

ในตัวอย่างเป็นการแปลงข้อมูลจาก Integer ไป Float โดยการ Type casting เราใช้เครื่องหมายวงเล็บ () ภายในเป็นประเภทข้อมูลที่ต้องการแปลงไปยัง เช่น int float string bool เป็นต้น

ค่าคงที่ - Constants

ค่าคงที่ (Constants) คือค่าของ Literal ใดๆ ที่ถูกกำหนดให้กับตัวแปรค่าคงที่ ค่าคงที่จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายในโปรแกรมและเป็นได้เพียงค่าเดียวตั้งแต่โปรแกรมเริ่มจนสิ้นสุดการทำงาน ในภาษา PHP คุณสามารถประกาศค่าคงที่ได้สองแบบโดยการใช้ฟังก์ชัน define() และคำสั่ง Const

การประกาศค่าคงที่ด้วยฟังก์ชัน define()

ในการประกาศค่าคงที่ในภาษา PHP เราจะใช้ฟังก์ชัน define() ซึ่งเป็นฟังก์ชันสำหรับการประกาศค่าคงที่ในพื้นฐาน มาดูตัวอย่างการใช้งาน

ในตัวอย่างเราประกาศค่าคงที่ NAME YEAR และ blue และกำหนดค่าให้กับค่าคงที่เหล่านี้ เราสามารถใช้งานค่าคงที่ได้เหมือนกับตัวแปร ในการใช้กับตัวดำเนินการ หรือคำสั่งตรวจสอบเงื่อนไขต่างๆ

ค่าคงที่ NAME เป็นค่าคงที่แบบ String YEAR เป็นค่าคงที่แบบจำนวนเต็ม (Integer) และสุดท้าย blue เป็นค่าคงที่แบบ String เช่นเดียวกันกับค่าคงที่แรก แต่เราได้กำหนดให้พารามิเตอร์ตัวที่สามเป็น true นั่นหมายความว่าเราสามารถใช้ค่าคงที่แบบ case-insensitive ได้ เช่น BLUE Blue หรือ BlUe เป็นต้น และเราได้แสดงผลค่าคงที่แต่ละตัวออกมา และตรวจสอบเงือนไขด้วยคำสั่ง If ซึ่งใน Expression BLUE !== null จะเป็นจริงถ้าหากค่าคงนี้ถูกกำหนด

การประกาศค่าคงที่ด้วยคำสั่ง Const

นอกจากนี้ในภาษา PHP คุณยังสามารถใช้คำสั่ง Const ในการประกาศค่าคงที่ได้ ซึ่งมันมีข้อแตกต่างจากการใช้ฟังก์ชัน define() ดังนี้

  • Const จะทำการกำหนดค่าคงที่ในเวลา Run-time ในขณะที่ define() กำหนดค่าคงที่ใน Compile
  • Const ไม่สามารถใช้ในบล็อคของคำสั่ง เช่น If For หรือ While เป็นต้น
  • Const สามารถกำหนดค่า Literal เท่านั้น ในขณะที่ define() สามารถเป็น Expression ใดๆ
  • Const จะเป็นแบบ case-sensitive ในขณะที่ define() สามารถกำหนดเป็น case-insensitive ได้
  • Const สามารถกำหนดค่าแบบอาเรย์ได้ ในขณะที่ define() ไม่สามารถทำได้
  • Const สามารถใช้ประกาศเป็นค่าคงที่ภายในคลาสหรือ Interface ได้

ตัวดำเนินการ

PHP Operators

ตัวดำเนินการ คือเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ที่กำหนดขึ้นสำหรับใช้ในการจัดการกับตัวแปรและค่าคงที่ หรือสร้าง Expression ขึ้นและนำไปใช้งานในการเขียนโปรแกรม ตัวดำเนินการในภาษา PHP มีหลายรูปแบบซึ่งในบทนี้ เนื้อหาได้แบ่งย่อยออกเป็นดังนี้

  • Arithmetic operators
  • Assignment operators
  • Comparison operators
  • Increment/Decrement operators
  • Logical operators
  • String operators
  • Array operators
  • Conditional assignment operators

PHP Arithmetic Operators

ตัวดำเนินการทางคณิตศาสตร์ (Arithmetic operators) เป็นตัวดำเนินการในการหาผลลัพธ์จากการกระทำทางคณิตศาสตร์ เช่น การบวก การลบ การคูณ และหารหาร โดยมีตัวเลขเป็น Operand และจะได้ผลลัพธ์สุดท้ายออกมาค่าเดียว

Operator Name Example Result
+ Addition $x + $y Sum of $x and $y
- Subtraction $x - $y Difference of $x and $y
* Multiplication $x * $y Product of $x and $y
/ Division $x / $y Quotient of $x and $y
% Modulus $x % $y Remainder of $x divided by $y
** Exponentiation $x ** $y Remainder of $x divided by $y

PHP Logical Operators

ตัวดำเนินการเชิงตรรกะ PHP ใช้ในการรวมคำสั่งแบบมีเงื่อนไข

Operator Name Example Result
and And $x and $y True if both $x and $y are true
or Or $x or $y True if either $x or $y is true
xor Xor $x xor $y True if either $x or $y is true, but not both
&& And $x && $y True if both $x and $y are true
|| Or $x || $y True if either $x or $y is true
! Not !$x True if $x is not true

คำสั่งเลือกเงื่อนไข

PHP Conditional Statements

ในการเขียนโปรแกรม อาจจะมีเงือนไขหรือข้อกำหนดบางอย่างที่คุณต้องการให้โปรแกรมทำงานแตกต่างกันไป การตัดสินใจจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นทั้งในการเขียนโปรแกรมและในชีวิตประจำวัน

คำสั่ง If

คำสั่ง If เป็นคำสั่งควบคุมที่พื้นฐานที่สุดในการเขียนโปรแกรม มันใช้สำหรับควบคุมการทำงานในกรณีที่เงื่อนไขเป็นจริง นี่เป็นรูปแบบการใช้งานของคำสั่ง If ในภาษา PHP

การตรวจสอบเงือนไขของคำสั่ง If นั้น เกิดจากการประเมิน expression ถ้าหากเป็นจริงโปรแกรมจะทำงานในบล็อคของคำสั่ง If ถ้าหากไม่เป็นจริงโปรแกรมจะข้ามการทำงานไป มาดูตัวอย่างการใช้งาน

ในตัวอย่าง เรามีตัวแปร $number ในการเก็บค่าของตัวเลข เนื่องจาก Expression เป็นจริง นั่นคือในตัวแปรมีค่าเท่ากับ 5 โปรแกรมจึงทำงานในบล็อคของคำสั่ง If และแสดงข้อความ "Number is equal 5."

คำสั่ง If Else

คำสั่ง If Else ใช้สำหรับตรวจสอบเงื่อนไขเช่นเดียวกับคำสั่ง If แต่ในการทำงานจะมีการเพิ่มบล็อคของคำสั่ง else เข้ามาถ้าหากเงือนไขในคำสั่ง If ไม่เป็นจริง มาดูตัวอย่างการใช้คำสั่ง If Else ในภาษา PHP

ในตัวอย่างเป็นการใช้งานคำสั่ง If Else กับสถาณการณ์ที่เราได้พูดถึงก่อนหน้านี้ เรามีตัวแปร $money เก็บค่าของจำนวนเงิน ถ้ามีเงินมากกว่าหรือเท่ากับ 100 เหรียญเราจะซื้อวิดีโอเกม แต่ถ้าไม่ใช่จะซื้อหนังสือแทน และเนื่องจากเราได้กำหนดค่าในตัวแปรเพียง 80 โปรแกรมจึงทำงานในบล็อคของคำสั่ง Else แทน

คำสั่ง If Else-If

คำสั่ง If-Else เป็นคำสั่งในการสร้างเงือนไขแบบสองทางเลือกหรือจริงและไม่จริงเท่านั้น ในภาษา PHP คุณสามารถสร้างเงือนไขแบบหลายทางเลือกได้โดยการใช้คำสั่ง Else-If สำหรับเงือนไขเพิ่มเติมที่ต้องการ เราจะยกตัวอย่างในการใช้กับโปรแกรมคำนวณเกรด

ในตัวอย่าง เป็นโปรแกรมคำนวณเกรดโดยการคำนวณจากคะแนนที่มี เราใช้คำสั่งตรวจสอบเงือนไข If-Else แบบหลายทางเลือกในการสร้างเงือนไขใสแต่ละช่วงคะแนนและเกรดที่จะได้รับ

คำสั่ง Switch

ในภาษา PHP ยังมีคำสั่งเลือกเงือนไขอีกคำสั่งหนึ่งคือคำสั่ง Switch ซึ่งการทำงานของคำสั่งนี้จะคล้ายกับคำสั่ง If Else-If ซึ่งเป็นการเลือกแบบหลายทางเลือก แต่ในคำสั่ง Switch จะใช้สำหรับเปรียบเทียบกับค่าคงที่โดยตรงที่ไม่ใช่ Expression มาดูตัวอย่างการใช้งาน

ในตัวอย่างเป็นโปรแกรมในการหาชื่อประเทศจากรหัสย่อโดยการใช้คำสั่ง Switch เรามีตัวแปร $abb สำหรับเก็บรหัสย่อของประเทศในโลก ในการใช้งานจะส่งเป็นอากิวเมนต์เข้าไปยังคำสั่ง Switch และโปรแกรมจะทำการตรวจสอบกับเงือนไขในแต่ละ case เมื่อเงือนไขตรงกับ Case ใดๆ โปรแกรมจะทำงานคำสั่งหลังจาก Case นั้นจนสิ้นสุดบล็อคคำสั่ง Switch เราจำเป็นต้องใช้คำสั่ง break เพื่อหยุดการทำงานของโปรแกรมสำหรับแต่ละ Case

คำสั่งวนซ้ำ

PHP Loops

ในบทนี้ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับคำสั่งวนซ้ำในภาษา PHP ซึ่งประกอบไปด้วยคำสั่ง While Do While และ For loop ซึ่งเป็นคำสั่งที่ใช้ในการควบคุมโปรแกรมให้ทำงานในรูปแบบที่ซ้ำๆ ภายใต้เงือนไขที่เปลี่ยนไป

คำสั่ง while loop

คำสั่ง While loop คือคำสั่งวนซ้ำที่พื้นฐานที่สุดในภาษา PHP มันใช้สำหรับควบคุมการทำงานของโปรแกรมให้ทำงานซ้ำๆ ภายใต้เงือนไขที่กำหนด นี่เป็นรูปแบบของการใช้งานคำสั่ง While loop ในภาษา PHP

ในการทำงานของคำสั่ง While loop จะทำงานในขณะที่ expression เป็นจริง ซึ่ง statements เป็นคำสั่งภายในบล็อคของ While loop ที่อาจจะประกอบไปด้วยหนึ่งหรือหลายคำสั่ง มาดูตัวอย่างการใช้งานคำสั่ง While loop ในภาษา PHP

นี่เป็นผลลัพธ์ของโปรแกรม ซึ่งเราได้แสดงตัวเลข 1 - 10 ออกทางหน้าจอ คุณอาจจะลองเขียนโปรแกรมเพื่อแสดงตัวเลขจาก 30 - 50 โดยการเปลี่ยนตัวแปร $i = 30 และเงื่อนไขเป็น $i <= 50 และดูว่ามันน่าทึ่งแค่ไหน

คำสั่ง do while loop

คำสั่ง Do while loop นั้นมีการทำงานคล้ายกับคำสั่ง While loop แต่สิ่งที่แตกต่างคือในคำสั่ง Do while loop จะทำงานภายใน Loop ก่อนอย่างน้อยหนึ่งรอบและตรวจสอบเงือนไขในภายหลัง นี่เป็นรูปแบบของการใช้งานคำสั่ง Do while loop ในภาษา PHP

ในการใช้งานคำสั่ง Do while loop นั้นส่วนของการตรวจสอบเงื่อนไข expression จะอยู่ตอนท้าย นั่นหมายความจะต้องมีการทำงานในลูปอย่างน้อยแน่นอน 1 รอบ มาดูตัวอย่างการใช้งานคำสั่ง Do while loop ในภาษา PHP กับโปรแกรมการสุ่มตัวเลข

นี่เป็นผลลัพธ์ของโปรแกรม ซึ่งในบางสถานการณ์ของการเขียนโปรแกรม คุณอาจจะต้องใช้คำสั่ง Do while loop เพื่ออำนวยความสะดวก เช่น การทำงานที่เงื่อนไขต้องขึ้นกับค่าก่อนหน้าในโปรแกรม อย่างไรก็ตามทั้งคำสั่ง While loop และ Do while loop สามารถใช้แทนกันได้ ในตัวอย่างข้างต้นนี่เป็นโค้ดเมื่อเราเขียนโดยใช้คำสั่ง While loop

คำสั่ง for loop

คำสั่ง For loop คือคำสั่งวนซ้ำที่มีการทำงานในจำนวนรอบที่แน่นอน ซึ่งสามารถกำหนดค่าเริ่มต้น เงื่อนไข และการเปลี่ยนแปลงไว้ที่เดียวกันในตอนต้นของ Loop ทำให้การเขียนโปรแกรมสั้นและกระทัดรัดขึ้น นี่เป็นรูปแบบของการใช้งานคำสั่ง For loop ในภาษา PHP

โดยที่ initializing เป็นการกำหนดค่าเริ่มต้นสำหรับการทำงานของ Loop expression เป็นเงื่อนไขที่จะให้ทำงานภายใน Loop updating เป็นการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลเมื่อเสร็จการทำงานแต่ละรอบของ Loop มาดูตัวอย่างการใช้งานคำสั่ง For loop ในภาษา PHP

ในตัวอย่าง เป็นการใช้งานคำสั่ง For loop เพื่อแสดงตัวเลข ซึ่งคุณจะเห็นว่าเราได้กำหนดค่าเริ่มต้น เงือนไข และการเปลี่ยนแปลงในตอนต้นของ Loop ทำให้คำสั่ง For loop เป็นคำสั่งที่สะดวกและง่ายต่อการใช้งาน ในลูปแรกเป็นการแสดงตัวเลขตั้งแต่ 1 - 10 ลูปที่สองเป็นการแสดงตัวเลขตั้งแต่ 0 - 50 โดยเพิ่มค่าทีละ 5 และในลูปสุดท้าย เป็นการแสดงตัวเลขจาก 10 - -10 โดยลดค่าทีละ 2

คำสั่ง foreach loop

คำสั่ง Foreach loop ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับอาเรย์ มันใช้สำหรับวนอ่านค่าในอาเรย์โดยจะเริ่มจากสมาชิกตัวแรกจนถึงสมาชิกตัวสุดท้าย มาดูตัวอย่างการใช้งาน Foreach ในภาษา PHP

ในตัวอย่างเป็นการใช้คำสั่ง Foreach ทั้งการอ่านค่าจากอาเรย์แบบปกติและแบบ Key value โดยการทำงานของคำสั่ง Foreach จะวนอ่านค่าภายในอาเรย์ตั้งแต่สมาชิกตัวแรกจนถึงตัวสุดท้าย ในแต่ละรอบของการทำงานข้อมูลจะถูกเก็บในตัวแปร $el

ฟังก์ชัน

ฟังก์ชันคืออะไร

ฟังก์ชัน (Functions) คือส่วนของโปรแกรมหรือซอสโค้ดที่ใช้สำหรับจัดการกับงานที่เฉพาะเจาะจง ฟังก์ชันเป็นขั้นตอนของการทำงานบางอย่างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการโดยการเรียกใช้ฟังก์ชัน ในภาษา PHP มีฟังก์ชันมาตรฐานที่คุณสามารถใช้งานได้ ซึ่งเรียกว่า Predefined function ซึ่งแน่นอนฟังก์ชันเหล่านี้มีไว้สำหรับจัดการงานทั่วไปเท่านั้น ในบทนี้เราจะพูดเกี่ยวกับฟังก์ชันที่สร้างจากผู้ใช้ (User-defined function)

ฟังก์ชันมีส่วนประกอบสองอย่างคือส่วนหัวของฟังก์ชัน (head) และส่วนการทำงานของฟังก์ชัน (function body) ในภาษา PHP เรากำหนดจำนวนของพารามิเตอร์ของฟังก์ชันที่ส่วนหัว และการทำงานของฟังก์ชันในส่วนการทำงาน ซึ่งฟังก์ชันอาจจะมีการส่งค่ากลับหรือไม่มีก็ได้ (return) นี่เป็นรูปแบบของการประกาศฟังก์ชันในภาษา PHP

ในการสร้างฟังก์ชันในภาษา PHP เราใช้คำสั่ง function และตามด้วยชื่อของฟังก์ชันซึ่งมีหลักการตั้งชื่อเหมือนกับตัวแปร parameters เป็นการกำหนดพารามิเตอร์ของฟังก์ชัน ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ภายในบล็อคการทำงานของฟังก์ชัน {} เป็นขั้นตอนการทำงานของฟังก์ชัน และคำสั่ง return ใช้สำหรับส่งค่ากลับซึ่งเป็นทางเลือก

การเรียกใช้งานฟังก์ชัน

หากต้องการเรียกใช้ฟังก์ชัน เพียงเขียนชื่อตามด้วยวงเล็บ ():

ฟังก์ชันกับค่าเริ่มต้นของพารามิเตอร์

โดยปกติแล้วในการส่งค่าอากิวเมนต์เข้ามายังฟังก์ชัน จำนวนของค่าที่ส่งต้องตรงกันกับพารามิเตอร์ของฟังก์ชัน ในภาษา PHP คุณสามารถสร้างพารามิเตอร์กับค่าเริ่มต้นได้ หรือที่เรียกกันว่า Default argument ซึ่งเป็นทางเลือกในการเรียกใช้งานฟังก์ชัน มาดูตัวอย่างของ Default argument ในภาษา PHP

PHP Arrays

อาเรย์คืออะไร

อาเรย์ (Array) คือประเภทข้อมูลที่เก็บข้อมูลเป็นชุดลำดับเรียงต่อกันในหน่วยความจำ อาเรย์เป็นตัวแปรประเภทหนึ่งในภาษา PHP ที่สามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าหนึ่งค่า อาเรย์ช่วยอำนวยความสะดวกในกรณีที่เราต้องการจัดการข้อมูลประเภทเดียวกันเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น คุณต้องการเก็บคะแนนของนักเรียน 10 คน การใช้อาเรย์จึงเป็นสิ่งที่สะดวก

อาเรย์ในภาษา PHP นั้นสามารถเก็บข้อมูลได้ทุกประเภททั้ง Primitive type ออบเจ็คและ Resource อาเรย์สามารถมีได้หลายมิติหรือเราเรียกว่าอาเรย์ของอาเรย์ นอกจากนี้อาเรย์ยังมีฟังก์ชันอำนวยความสะดวกในการจัดการข้อมูลมากมายในภาษา PHP

ประกาศและใช้งานอาเรย์

คุณสามารถมีข้อมูลประเภทต่างๆ ในอาร์เรย์เดียวกันได้

การใช้คำสั่ง For loop กับอาเรย์

เนื่องจากอาเรย์นั้นเก็บข้อมูลเป็นลำดับและมีการเข้าถึงผ่าน Index ดังนั้นคำสั่ง For loop กับอาเรย์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นในการเขียนโปรแกรม ซึ่งโดยทั่วไปแล้วในการเขียนโปรแกรม เรามักจะใช้คำสั่ง For loop กับอาเรย์เสมอ

การใช้คำสั่ง Foreach loop กับอาเรย์

คำสั่ง Foreach loop ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับอาเรย์ มันใช้สำหรับวนอ่านค่าในอาเรย์โดยจะเริ่มจากสมาชิกตัวแรกจนถึงสมาชิกตัวสุดท้าย มาดูตัวอย่างการใช้งาน Foreach ในภาษา PHP